วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รองหอฯคาดเบนซินอาจแตะ 33 บาทเร็วนี้ แนะรัฐฯงดเก็บเงินชดเชยกองทุน 1 บาท พยุงเศรษฐกิจ เชื่อราคาสินค้าจ่อปรับขึ้นปลายปี

ถานการณ์ราคาน้ำมันในประเทศล่าสุด เบนซิน 95 ราคา 31.99 บาท /ลิตร เบนซิน 91 ราคา 31.19 บาท/ลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ราคา 28.94 บาท/ลิตร ทั้งนี้ท่าทีของ OPEC ยังคงอัตราการผลิตไว้เช่นเดิม ยังไม่มีทีท่าว่าจะเพิ่มกำลังผลิต ซึ่งจะทำให้ความต้องการน้ำมันในตลาดมีอัตราสูงขึ้น
นายชวนะ เกียรติชวนะเสวี รองประธานหอการค้าจ.ภูเก็ต คาดการปรับราคาขายปลีกคงต้องขอดูทิศทางน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์อีก 1-2 วันก่อน โดยยังหวังว่าราคาตลาดสิงคโปร์จะอ่อนตัวลงหลังจากน้ำมันดิบปิดตลาดวันที่ 12 พฤศจิกายนอ่อนตัวลงมากว่า 1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยยังต้องติดตามราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมี 2 ปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลให้ราคากลับมาสูงได้อีกครั้ง คือ 1.การประชุมโอเปกวันที่ 17-18 พฤศจิกายนนี้ว่าจะเพิ่มโควตาการผลิตน้ำมันอีกหรือไม่ และ 2.การแถลงตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันของสหรัฐอเมริกาในวันที่ 15-16 พฤศจิกายนนี้ แต่หากลดลงมากกว่าที่คาดไว้อาจจะดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้นอีกได้
นายชวนะ ยังกล่าวต่อไปว่า ราคาน้ำมันดิบซื้อขายล่วงหน้าในตลาดเอเชีย เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยน้ำมันดิบไลต์สวีท ปิดที่ 94.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหรือลดลง 3 เซนต์ หลังจากลดลง 1.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในการซื้อขายที่นิวยอร์กในวันก่อนหน้า ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์อ่อนตัวลง 5 เซนต์ ปิดที่ 91.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่า เป็นการอ่อนตัวเนื่องจากกองทุนเก็งกำไร หันไปเก็งกำไรผลิตภัณฑ์อื่น รวมทั้งแรงกดดันลดลงเนื่องจากมีการขายน้ำมันออกมาในช่วงก่อนหน้านี้ เป็นผลมาจากสัญญาส่งมอบล่วงหน้าสำหรับเดือนธันวาคมจะหมดอายุในวันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายนนี้
ส่วนกรณีที่ตลาดมีการตีความว่าในการประชุมวันที่ 17-18 พฤศจิกายน กลุ่มประเทศโอเปคจะพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิต นั้น ล่าสุดนายอาลี อัล-นูอามิ รัฐมนตรีน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ได้ออกมาปฏิเสธว่า จะไม่มีการตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตในระยะสั้น แต่วาระสำคัญการประชุมจะมุ่งไปที่แผนระยะยาวเกี่ยวกับน้ำมัน มีการประเมินว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในไตรมาส 4 ของปีนี้จะลดลงวันละ 5 แสนบาร์เรล ส่วนปี 2551 ทั้งปีความต้องการจะลดลงวันละ 3 แสนบาร์เรล อันเป็นผลมาจากเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนตัวลง รวมไปถึงการที่โอเปคได้เพิ่มกำลังการผลิตอีกวันละ 4 แสนบาร์เรลเมื่อเดือนตุลาคม ซึ่งมีตัวบ่งชี้อย่างแข็งขันว่าราคาน้ำมันที่สูง จะทำให้ความต้องการลดลง และเมื่อรวมกับสัญญาณที่ส่งออกมาจากซาอุฯ อิรักและไนจีเรียที่จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นได้ช่วยยับยั้งราคาไม่ให้สูงขึ้นไปอีก
นายชวนะ ยังกล่าวต่อไปว่า ปัจจัยภายนอกจะเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญที่จะส่งผลต่อราคาน้ำมันในประเทศ ที่จะปรับตัวสูงขึ้นไปอีก โดยทัศนะส่วนตัวนั้นเชื่อว่าราคาน้ำมัน อาจจะพุงแตะ 33 บาท/ลิตร ในเร็ววันนี้ หากโอเปกส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่มีการเพิ่มกำลังผลิต
ทั้งนี้แนวทางที่จะช่วยพยุงและบรรเทาผลกระทบกับประชาชนที่ดีที่สุด คือการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนชดเชยน้ำมัน 1 บาททันที
เพื่อยับยั้งการปรับขึ้นราคาน้ำมันในช่วงนี้ออกไปก่อน ซึ่งจะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมามีการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนเพียง 20 สตางค์/ลิตร
ไม่สามารถยับยั้งการปรับราคาขายน้ำมันในท้องตลาดได้ ทั้งนี้เชื่อว่าราคาน้ำมันไม่น่าจะปรับตัวลงมาต่ำกว่า 30 บาท/ลิตร ได้อีก
โดยภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจทุกประเภทจะต้องปรับตัว และรับแรงกระทบจากต้นทุนการผลิตและต้นทุนขนส่งทางธุรกิจทุกประเภทที่สูงขึ้น
ทั้งนี้เชื่อว่าในระยะเวลาอันใกล้น่าจะมีการประกาศปรับขึ้นราคาสินค้าเกือบทุกประเภทอย่างแน่นอน ในส่วนของภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในโซน 3 จังหวัดอันดามัน ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการขนส่ง และนำเที่ยว
ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของฤดูกาลท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่ 3 จังหวัดอันดามัน สูงขึ้นเห็นได้จากยอดจองห้องพักมีมากกว่า 98% แต่ทั้งนี้เงินหมุนเวียนในระบบ และการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวยังไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากสินค้าและธุรกิจนำเที่ยวบางประเภทได้ปรับราคาสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันเช่นเดียวกัน หากยังปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้ปานปลายออกไปอาจจะทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวทุกประเภท ไม่สามารแบกรับภาระต้นทุนการขนส่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระยะยาว ทั้งนี้รัฐฯจำเป็นจะต้องออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว
และมาตรการให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการนำเที่ยวด้วย เพราะเงินรายได้มากกว่า 1.5 แสนล้านบาทได้มาจากธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นรายได้หลัก 1 ใน 4 ของประเทศ และเงินรายได้กว่า 1 แสนล้านบาทมากจากการท่องเที่ยวในภูมิภาคอันดามันและจังหวัดภูเก็ต
นายชวนะ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคของอันดามันเริ่มขยายตัวและกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย หลังฤดูกาลท่องเที่ยวมาถึง
และยังมีเงินในระบบหมุนเวียนเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากธุรกิจโฆษณา ที่ได้รับแรงกระตุ้นจากธุรกิจการเลือกตั้งที่จะมาถึงเชื่อว่าGDP
ของปีนี้จะเติบโตขึ้นเล็กน้อยประมาณ 4.5-4.7 นายชวนะกล่าว 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น