วันนี้ (4 พ.ค.) นายเอี่ยม ถาวรว่องวงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายชวนะ เกียรติชวนะเสวี ประธานคณะกรรมการค้าปลีก หอการค้าจังหวัดภูเก็ต ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร เพื่อให้แก้ไขปัญหาค้าปลีกรายใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต โดยหอการค้าจังหวัดภูเก็ตได้นำเสนอการแก้ไขปัญหาค้าปลีกในจังหวัดภูเก็ต 4 ประเด็นด้วยกันประกอบด้วย
1.ขอความร่วมมือจากห้างใหญ่ๆ ในจังหวัดภูเก็ตจ่ายภาษีทุกประเภทให้กับท้องถิ่นรวมทั้งสาขาย่อยที่เป็นร้านค้าประเภทสะดวกซื้อ เนื่องจากปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตต้องรับภาระปัญหาเกี่ยวกับขยะที่มีมากจนเกินไป ปัญหาน้ำเสีย และอื่นๆ ทั้งนี้ เพื่อนำภาษีในส่วนนี้มาเป็นงบประมาณนำมาพัฒนาและขจัดผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้น,
2.ให้ชะลอการขยายสาขาของห้างใหญ่และสาขาย่อยของห้างใหญ่ ทั้งนี้เพื่อรอ พ.ร.บ.ค้าปลีกให้ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน
3.ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือร้านค้าปลีกรายย่อยท้องถิ่น เช่น ให้กู้เงินด้วยอัตราพิเศษเพื่อนำไปพัฒนาร้านค้าในดูดีขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากในปัจจุบันร้านค้าปลีกรายย่อยได้ปิดตัวเองไปเป็นจำนวนมาก หากรัฐบาลให้การช่วยเหลือก็จะทำให้ร้านค้ารายย่อยเล็กๆ สามารถยังคงอยู่ได้ต่อไปในสังคม
และ 4.ขอให้รัฐบาลช่วยเพิ่มศักยภาพร้านค้าปลีกรายย่อยในท้องถิ่น ให้สามารถพัฒนาตนเองได้ดีเสมอกับร้านค้าสะดวกซื้อทั่วไป
นายชวนะ เกียรติชวนะเสวี ประธานคณะกรรมการค้าปลีก หอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การเรียกร้องของหอการค้าภูเก็ตไม่ได้คัดค้านและต่อต้านการเกิดขึ้นของห้างสรรพสินค้าใหญ่ในภูเก็ต แต่ต้องการที่จะเรียกร้องให้ห้างสรรพสินค้าที่เข้ามาเปิดในภูเก็ตอยู่ร่วมกับสังคมภูเก็ตอย่างยั่งยืน ด้วยการจ่ายภาษีทุกประเภทที่จังหวัดภูเก็ต เพราะภูเก็ตเองมีปัญหาที่เกิดขึ้นหลายๆ ปัญหาไม่ว่าจะเป็นปัญหาขยะ น้ำเสีย หากห้างสรรพสินค้าใหญ่จ่ายภาษีให้กับท้องถิ่นท้องถิ่นสามารถที่จะนำรายได้มาพัฒนาจังหวัดได้
“ขณะนี้เท่าที่ทราบมีเพียงห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีเท่านั้นที่จ่ายภาษีที่ภูเก็ต ส่วนที่เหลือจะจ่ายภาษีรวมที่กรุงเทพฯทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตจะเชิญทางสรรพากรมาหารือและขอความร่วมมือไปยังห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆให้จ่ายภาษีให้ท้องถิ่น และเมื่อห้างสรรพสินค้าใดจ่ายภาษีให้ท้องถิ่นทางจังหวัดจะขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ให้กับห้างสรรพสินค้านั้นๆ” นายชวนะ กล่าว และว่า
เชื่อมั่นว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ห้างสรรพสินค้าในภูเก็ตที่เป็นค้าปลีกรายใหญ่น่าที่จะมีการขยายสาขาที่เป็นในลักษณะของเอ็กเพรสเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางหอการค้าได้เรียกร้องที่จะไม่ให้มีการขยายสาขาจนกว่า พ.ร.บ.ค้าปลีกจะผ่านการเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีและที่ผ่านมาการเกิดขึ้นของค้าปลีกรายใหญ่ได้ส่งผลกระทบต่อร้านค้าย่อยในพื้นที่จำนวนมาก
| ที่มา | ผู้จัดการออนไลน์ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น